การทำบุญในปัจจุบันนี้คนส่วนใหญ่จะคิดกันแต่เพียงว่า
เป็นการให้เงิน ซื้อของให้ หรือการให้ของกินของใช้ฯลฯ
เพื่อหวังผลในภายภาคหน้า (ชีวิตหลังความตาย )
การเข้าใจเพียงนั้นเป็นเพียงแค่เปลือกนอกเท่านั้น เพราะ
จุดประสงค์ของทาน หรือการทำบุญโดยการสละเงิน หรือสิ่งของ
ออกจากเรา ก็เพื่อลดอัตตา หรือความเป็นเราออกไป
มิใช่ทำบุญเพื่อสะสมแต้ม ยิ่งทำมากก็สะสมได้มาก
ยิ่งบริจาคมาก ก็ได้บุญมาก ฯลฯ
ถ้าเราได้ศึกษาเรื่องของบุญ เราจะพบว่าการทำบุญนั้น
มิได้ถูกจำกัดอยู่แค่เรื่องของการทำทานเพียงอย่างเดียว
คนจน หรือ คนรวย ก็สามารถทำบุญได้ทั้งนั้น
การทำบุญที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสมี 10 แบบ หรือเรียกว่า"บุญกิริยาวัตถุ" มีอยู่ ๑๐ ประการ คือ
๑. "ทานมัย" - การทำบุญด้วยการให้เงิน สิ่งของ ความรู้ และหรือ การให้อภัยทาน
๒. "สีลมัย" - การทำบุญด้วยการรักษาศีล มีความประพฤติดี ไม่เบียดเบียนผู้อื่นทั้งทางกาย วาจา และใจ
๓. "ภาวนามัย" - การทำบุญด้วยการปฏิบัติธรรม บำเพ็ญสมาธิภาวนา
๔. "อปจายนมัย" - การประพฤติตนอ่อนน้อม
๕. "เวยยาวัจจมัย" - การช่วยเหลือ ขวนขวาย รับใช้
๖. "ปัตติทานมัย" - การเฉลี่ยความดีให้แก่ผู้อื่น เช่น การบอกบุญ
๗. "ปัตตานุโมทนามัย" - การแสดงความยินดีเมื่อได้ทราบว่า ผู้อื่นกระทำความดี หรือการอนุโมทนา
๘. "ธัมมัสสวนมัย" - การฟังธรรม
๙. "ธัมมเทสนามัย" - การสั่งสอนธรรม,เผยแพร่ธรรมะ
๑๐. "ทิฏฐุขุกัมม์" - การทำความเห็นให้ตรง ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม
บุญกิริยาทั้งสิบประการดังกล่าวอาจจัดรวมเป็น ๓ กลุ่มใหญ่คือ ทานมัย สีลมัย และ ภาวนามัย